โรงพยาบาลกระบี่นครินทร์ อินเตอร์เนชั่นแนล  Krabi Nakharin International Hospital
075-626-555
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับเรา
    • เกี่ยวกับเรา
    • วิสัยทัศน์และพันธกิจ
    • รางวัลแห่งความภาคภูมิใจ
    • คณะผู้บริหาร
  • ข่าวสารและกิจกรรม
    • เอกสารแจ้งการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีการใช้กล้องวงจรปิด (CCTV)
    • แพ็กเกจและโปรโมชั่น
    • ข่าวสารและกิจกรรม
    • บทความสุขภาพ
    • เสียงจากผู้ใช้บริการ
  • แพทย์ของเรา
    • ค้นหาแพทย์
    • นัดพบแพทย์
  • ศูนย์บริการผู้ป่วย
    • คลินิคและศูนย์ต่าง ๆ
    • ห้องพักและราคา
    • เทคโนโลยีทางการแพทย์
    • ข้อมูลประกันไทย
    • International Insurance Service
  • ติดต่อเรา
    • ติดต่อเรา
    • สมัครงานออนไลน์
  • ไทย: ภาษาไทย
    • ภาษาไทย ภาษาไทย
    • English English
    • 中文 中文

เรื่องสุดแสบของสาวอ๊อฟฟิต

By Marketing • 26/10/2023 • Comments Off on เรื่องสุดแสบของสาวอ๊อฟฟิต

อาการของกระเพาะปัสสาวะอักเสบและวิธีการรักษา

ผู้ป่วยจะมีอาการขัดเบา คือ ถ่ายปัสสาวะกะปริดกระปรอย (ออกมาทีละน้อยแต่บ่อยครั้ง) รู้สึกปวดขัดหรือแสบร้อนเวลาถ่ายปัสสาวะ โดยเฉพาะตอนถ่ายปัสสาวะสุด มักต้องเข้าห้องน้ำทุกชั่วโมงหรือชั่วโมงละหลายครั้ง มีอาการคล้ายถ่ายปัสสาวะไม่สุดอยู่ตลอดเวลา ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดที่ท้องน้อยหรือบริเวณหัวหน่าวร่วมด้วย ปัสสาวะอาจมีกลิ่นเหม็น สีมักใส แต่บางรายปัสสาวะอาจมีสีขุ่นหรือมีเลือดปน มักไม่มีไข้ (ยกเว้นถ้ามีกรวยไตอักเสบร่วมด้วย ผู้ป่วยจะมีไข้สูง หนาวสั่น ปัสสาวะสีขุ่น และมีอาการปวดเอวร่วมด้วย) ส่วนในเด็กเล็กอาจมีอาการปัสสาวะรดที่นอน และอาจมีไข้ เบื่ออาหาร อาเจียนร่วมด้วย โดยอาการมักเกิดขึ้นหลังกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน ๆ มีการสวนปัสสาวะ หรือหลังจากการร่วมเพศและเป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายหลายเท่า เนื่องจากท่อปัสสาวะของผู้หญิงจะสั้น และอยู่ใกล้ทวารหนักซึ่งเป็นแหล่งที่มีเชื้อโรคมาก เชื้อโรคจากบริเวณดังกล่าวจึงเข้าทางท่อปัสสาวะของผู้หญิงได้ง่าย

วิธีรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

การดูแลตนเองในเบื้องต้นเมื่อเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ผู้ป่วยควรปฏิบัติดังนี้
1. ควรดื่มน้ำสะอาดให้มาก ๆ ประมาณวันละ 3-4 ลิตร เมื่อไม่มีโรคที่ต้องจำกัดน้ำดื่ม (เช่น โรคหัวใจล้มเหลว) ซึ่งการดื่มน้ำจะช่วยขับเชื้อโรคออกและลดอาการปวดแสบปวดร้อนเวลาปัสสาวะได้

2. ควรถ่ายปัสสาวะทุกครั้งที่รู้สึกปวด ไม่กลั้นปัสสาวะ หลีกเลี่ยงสารอาหารที่ระคายเคืองต่อกระเพาะปัสสาวะ เช่น กาแฟ แอลกอฮอล์ น้ำอัดลม น้ำผลไม้ใส่น้ำตาล พยายามเคลื่อนไหวร่างกายเสมอ ไม่ควรนั่งแช่อยู่กับที่เป็นเวลานาน ๆ การทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศหรือภายหลังการขับถ่าย (ในผู้หญิง) ต้องทำจากด้านหน้าไปด้านหลังเสมอ เพื่อป้องกันเชื้อโรคปนเปื้อนผ่านเข้าท่อปัสสาวะเข้ามาในกระเพาะปัสสาวะ ในผู้หญิงไม่ควรใช้วิธีคุมกำเนิดด้วยการใช้ยาฆ่าอสุจิหรือการใช้ฝาครอบปากมดลูก เพราะเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองและการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อปากท่อปัสสาวะและปากช่องคลอด ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น ไม่ควรใช้สเปรย์หรือยาดับกลิ่นตัวในบริเวณอวัยวะเพศ เพราะอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อปากท่อปัสสาวะและปากช่องคลอด ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสเกิดการบาดเจ็บและการติดเชื้อของเนื้อเยื่อ

3. หลีกเลี่ยงการอาบน้ำในอ่าง เพราะอาจเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น

4. ควรรักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) เพื่อให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง และลดโอกาสการติดเชื้อรุนแรง

5. ผู้ป่วยไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง เพราะอาจทำให้ได้ยาที่ไม่ตรงกับชนิดของเชื้อโรค หรือขนาดและระยะเวลาในการใช้ยาไม่ถูกต้อง จึงอาจส่งผลให้โรคไม่หาย และอาจกลายเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบเรื้อรังจากเชื้อดื้อยาได้

6. ในขณะที่มีอาการให้ดื่มน้ำมาก ๆ ถ้าปวดมากให้รับประทานยาแก้ปวดชนิดคลายการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะ และรับประทานยาปฏิชีวนะพื้นฐาน เช่น โคไตรม็อกซาโซล (Co-trimoxazole) 2 เม็ด วันละ 2 ครั้ง ทุก 12 ชั่วโมง เป็นเวลา 3 วัน หรืออะม็อกซีซิลลิน (Amoxicillin) ครั้งละ 500 มิลลิกรัม ทุก 8 ชั่วโมง หรือวันละ 4 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน เป็นเวลา 3 วัน แต่ถ้าสงสัยว่ามีการแพ้ยาหรือดื้อยาเหล่านี้ก็อาจให้ยาปฏิชีวนะในกลุ่มฟลูออโรควิโนโลน เช่น นอร์ฟล็อกซาซิน (Norfloxacin) ครั้งละ 400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง ทุก 12 ชั่วโมง นาน 3 วัน, โอฟล็อกซาซิน (Ofloxacin) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง นาน 3 วัน หรือไซโพรฟล็อกซาซิน (Ciprofloxacin) ครั้งละ 250 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง นาน 3 วัน แต่ยากลุ่มฟลูออโรควิโนโลนนี้ไม่ควรใช้ในหญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร และผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี เพราะยังไม่มีข้อมูลยืนยันถึงความปลอดภัย

7. ไปพบแพทย์ตามนัดเสมอ และควรรีบไปพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อมีอาการผิดปกติไปจากเดิม (เช่น ปัสสาวะเป็นเลือด, มีอาการไข้ หนองไหล ตกขาว ถ่ายเป็นเลือด หรือกระหายน้ำบ่อยร่วมด้วย) หรืออาการต่าง ๆ เลวร้ายลง/อาการยังไม่ดีขึ้นหลังจากดูแลตัวเองมา 2-3 วัน หรือเป็น ๆ หาย ๆ อยู่บ่อย ๆ (เป็นซ้ำมากกว่า 2-3 ครั้ง) หรือเมื่อมีความกังวลในอาการ/ไม่มั่นใจที่จะดูแลรักษาตนเอง หรือพบว่ามีอาการของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในผู้ชาย (อาการขัดเบา) แม้ว่าจะเริ่มเป็นครั้งแรกก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุให้แน่ชัด แล้วรักษาไปตามสาเหตุที่ตรวจพบ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมด้านสุขภาพ


โรงพยาบาลกระบี่นครินทร์อินเตอร์เนชั่นแนล
โทร. 075-626-555
เปิดบริการทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ

Categories:บทความสุขภาพ
October 2025
M T W T F S S
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031  
« Oct    

หมวดหมู่ข่าวสาร

  • ข่าวสารและกิจกรรม (74)
  • บทความสุขภาพ (59)

ข่าวสารและกิจกรรม

  • ร่วมแสดงความยินดีเปิดคลินิกใหม่ MEDIPLUS LANTA
  • วิถีสุขภาพดีช่วงเทศการกินเจ
  • ร่วมแสดงความยินดีกับ นายแพทย์สมบูรณ์ บุญกิตติชัยพันธ์ ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่
  • RSV พ่อแม่อย่าวางใจ ไวรัสตัวร้ายใก้ลลูกน้อย
  • ออกหน่วยตรวจสุขภาพ “ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กปานุราช”
  • กิจกรรมมอบวุ้นสื่อรักใน “วันแม่แห่งชาติ”
  • อบรมการปฐมพยาบาลเบื้องต้น First Aid และ CPR
  • ธาลัสซีเมีย (Thalassemia) คืออะไร ?
  • มอบเงินสนับสนุนกิจกรรม Krabi Media Fest 2024
  • เคล็ดลับ! ปลุกพลังการทำงานหลังหยุดยาว

KRABI INTERNATIONAL

  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์บริการทางการแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • แพ็คเกจและโปรโมชั่น
  • ติดต่อเรา
  • COVID-19 Screening
  • นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
  • เอกสารแจ้งการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีการใช้กล้องวงจรปิด (CCTV)
  • แผนกไตเทียม
  • ประกันชีวิตสำหรับคนไทย
  • แพ็กเกจและโปรโมชั่น

_______________________

  • ข่าวสารและกิจกรรม
  • รางวัลแห่งความภาคภูมิใจ
  • เทคโนโลยีทางการแพทย์
  • ห้องพักและราคา
  • ข้อมูลประกัน

CONTACT US

โรงพยาบาลกระบี่นครินทร์ อินเตอร์เนชั่นแนล
เลขที่ 1 ถ.พิศาลภพ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.กระบี่ 81000

yioMey96T www.krabinakharin.co.th

RTGnBLbTL 075 626 555

Logo-clip-art-26  facebook.com/krabinakharin

Copyright © 2015 Krabi Nakharin International Hospital | Design by KBNIH Information Technology Department