โรงพยาบาลกระบี่นครินทร์ อินเตอร์เนชั่นแนล  Krabi Nakharin International Hospital
075-626-555
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับเรา
    • เกี่ยวกับเรา
    • วิสัยทัศน์และพันธกิจ
    • รางวัลแห่งความภาคภูมิใจ
    • คณะผู้บริหาร
  • ข่าวสารและกิจกรรม
    • เอกสารแจ้งการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีการใช้กล้องวงจรปิด (CCTV)
    • แพ็กเกจและโปรโมชั่น
    • ข่าวสารและกิจกรรม
    • บทความสุขภาพ
    • เสียงจากผู้ใช้บริการ
  • แพทย์ของเรา
    • ค้นหาแพทย์
    • นัดพบแพทย์
  • ศูนย์บริการผู้ป่วย
    • คลินิคและศูนย์ต่าง ๆ
    • ห้องพักและราคา
    • เทคโนโลยีทางการแพทย์
    • ข้อมูลประกันไทย
    • International Insurance Service
  • ติดต่อเรา
    • ติดต่อเรา
    • สมัครงานออนไลน์
  • ไทย: ภาษาไทย
    • ภาษาไทย ภาษาไทย
    • English English
    • 中文 中文

ตรวจสุขภาพ แต่ละช่วงอายุควรตรวจอะไรบ้าง?

By Marketing • 04/09/2023 • Comments Off on ตรวจสุขภาพ แต่ละช่วงอายุควรตรวจอะไรบ้าง?

ตรวจสุขภาพ แต่ละช่วงอายุควรตรวจอะไรบ้าง?

การตรวจสุขภาพ คือ การตรวจร่างกายในภาวะที่ร่างกายเป็นปกติดี ไม่มีอาการเจ็บป่วยโดยมีวัตถุประสงค์ในการค้นหาปัจจัยเสี่ยงและภาวะผิดปกติ เพื่อให้ทราบแนวทางป้องกันการเกิดโรคร้ายแรง ในทุกช่วงอายุควรเข้ารับการตรวจสุขภาพ ซึ่งสามารถเลือก ตรวจสุขภาพประจำปี โรงพยาบาลรัฐ หรือเอกชนก็ได้ มาดูกันว่าแต่ละช่วงอายุควรตรวจสุขภาพเกี่ยวกับอะไรบ้างกันค่ะ

1.แรกเกิด – 7 วัน

• ตรวจร่างกายทั่วไป
• ประเมินภาวะตัวเหลือง (Neonatal hyperbilirubinemia)
• เจาะเลือดตรวจคัดกรองภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ ( Congenital Hypothyroidism: CHT)
• ฉีดวัคซีนบีซีจี (BCG vaccine หรือ Bacillus Calmette Guerin vaccine) ป้องกันวัณโรค
• ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B)

2.อายุ 0-6 เดือน

• ควรได้รับการตรวจประเมินการได้ยิน 1 ครั้ง

3.อายุ 6-12 เดือน

• ควรได้รับการตรวจทางทันตกรรม 1 ครั้ง (กรณีที่ยังไม่ได้ตรวจ แนะนำให้ตรวจภายในช่วง 1-2 ปี)
• ตรวจคัดกรองภาวะตาเหล่ ตาเข ภาวะข้อสะโพกหลุด และความผิดปกติของอวัยวะเพศ
• ตรวจวัดระดับความเข้มข้นของเลือด (ฮีมาโทคริต/ฮีโมโกลบิน) เพื่อคัดกรองภาวะซีดจากการขาดธาตุเหล็ก อย่างน้อย 1 ครั้ง

4.อายุ 2-4 ปี

• ควรได้รับการตรวจคัดกรองพัฒนาการ 1 ครั้ง

5.อายุ 3-6 ปี

• ควรได้รับการตรวจวัดความดันโลหิตและวัดสายตา 1 ครั้ง และควรได้รับการตรวจวัดระดับความเข้มข้นของเลือด (ฮีมาโทคริต/ฮีโมโกลบิน) เพื่อคัดกรองภาวะซีดจากการขาดธาตุเหล็กอีก 1 ครั้ง

6.อายุ 8, 10 ปี และช่วงอายุ 11-14, 15-18 ปี

• ควรได้รับการตรวจวัดความดันโลหิตและวัดสายตาช่วงอายุละ 1 ครั้ง

7.อายุ 11-18 ปี (สำหรับผู้หญิง)

• ควรได้รับการตรวจความเข้มข้นของเลือด (ฮีมาโทคริต/ฮีโมโกลบิน) เพื่อคัดกรองภาวะซีดจากการขาดธาตุเหล็กอีก 1 ครั้ง

ตรวจสุขภาพ ในกลุ่มวัยทำงาน

กลุ่มวัยทำงาน คือผู้ที่มีอายุระหว่าง 18 – 60 ปี โดยบุคลากรทางการแพทย์จะซักประวัติเพื่อค้นหาความเสี่ยงของโรค โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ครอบครัวมีประวัติป่วยด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง เบาหวาน และการตรวจร่างกายทั่วไป เช่น ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดความดันโลหิต เพื่อช่วยในการตรวจคัดกรองโรคหรือภาวะบางอย่าง ซึ่งการตรวจร่างกายดังกล่าวควรตรวจปีละครั้ง หรือทุกครั้งที่ไปพบแพทย์ด้วยเรื่องอื่น
1.ตรวจสุขภาพช่องปาก
• ควรได้รับการตรวจสุขภาพช่องปากและฟันจากทันตแพทย์หรือทันตภิบาลเป็นประจำทุกปี ปีละ 1 ครั้ง
2.ตรวจการได้ยิน
• ควรได้รับการตรวจการได้ยินด้วยการใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ถูกันเบา ๆ ห่างจากรูหูประมาณ 1 นิ้ว ปีละ 1 ครั้ง
3.แบบประเมินสภาวะสุขภาพ
• ความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด
• ภาวะซึมเศร้า
• การติดนิโคตินในผู้สูบบุหรี่ (ตรวจเฉพาะผู้ที่สูบบุหรี่)
• การดื่มแอลกอฮอล์ (ตรวจเฉพาะผู้ที่ดื่ม)
• การใช้ยาและสารเสพติด (ตรวจเฉพาะผู้ที่ใช้สารเ
4.ตรวจสุขภาพเพิ่มเติม
• การตรวจตา : บุคคลตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจวัดสายตาและตรวจคัดกรองโรคต้อหิน ภาวะความดันลูกตาสูง และความผิดปกติอื่น ๆ โดยทีมจักษุแพทย์ อย่างน้อย 1 ครั้ง
• การถ่ายภาพรังสีทรวงอก (Chest x-ray) : ช่วยตรวจหาวัณโรค โรคปอดเรื้อรังบางชนิด หรือรอยโรคผิดปกติอื่น ๆ ในปอด (เฉพาะคนที่มีความเสี่ยง เช่น คนที่ไอเรื้อรัง เจ็บหน้าอก หรือมีอาการสงสัยว่าป่วยเป็นวัณโรค และมะเร็งปอด)
• ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (CBC) : ช่วยในการตรวจคัดกรองภาวะโลหิตจาง รวมทั้งอาจตรวจพบความผิดปกติอื่น ๆ เช่น เม็ดเลือดหรือเกล็ดเลือดผิดปกติ
• ตรวจระดับไขมันในเลือด : ควรตรวจระดับไขมันในเลือดทุก 5 ปี เพื่อช่วยประเมินความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
• ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด : อายุ 35 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดทุก 3 ปี เพื่อช่วยตรวจกรองความเสี่ยงโรคเบาหวาน ( หากมีเครื่องตรวจเบาหวานเป็นของตนเอง ควรตรวจเป็นประจำทุกเดือน• ตรวจปัสสาวะ : เพื่อช่วยตรวจคัดกรองโรคไตบางชนิด
• ตรวจอุจจาระ : บุคคลตั้งแต่อายุ 50 ปีข้ึนไป ควรได้รับการตรวจอุจจาระ เพื่อคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง ปีละ 1 ครั้ง
• ตรวจวัดระดับกรดยูริก : เพื่อช่วยประเมินระดับกรดยูริกซึ่งอาจมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคเกาต์หรือนิ่วกรดยูริก (ตรวจเฉพาะคนที่มีอาการปวดข้อ มีอาการข้ออักเสบ หรือข้อพิการ ซี่งสุ่มเสี่ยงเป็นโรคเกาต์เท่านั้น)
• การตรวจการทำงานไต : เพื่อเช็กสมรรถภาพการทำงานของไต
• การตรวจการทำงานตับ : เพื่อเช็กการทำงานของตับ
• ตรวจเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (HBsAg) : เฉพาะคนที่เกิดก่อนปี พ.ศ. 2535 ควรได้รับการตรวจเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (HBsAg) โดยตรวจเพียงคร้ังเดียว
• ตรวจเต้านม : ผู้หญิงในช่วงอายุ 30-39 ปี ควรได้รับการตรวจเต้านมทุก ๆ 3 ปี จากแพทย์หรือบุคลากรสาธารณสุข ที่ได้รับการฝึกอบรม และอายุ 40 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจเต้านมเป็นประจำทุกปี
• ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก : ผู้หญิงอายุ 30 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจคัดกรองด้วย Pap’s smear ทุก 3 ปี หรือวิธีป้ายหาความผิดปกติโดยใช้กรดอะซิติก (VIA) ทุก 5 ปี ทว่าหากมีอายุ 35 ปีขึ้นไป ควรตรวจด้วยวิธี Pap’s smear แม้ว่าจะเคยหรือไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ก็ตาม
ตรวจสุขภาพ ในกลุ่มผู้สูงอายุ
กลุ่มผู้สูงอายุ คือผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป นอกจากการตรวจสุขภาพขั้นพื้นฐานแล้ว ผู้สูงอายุทั้งเพศชาย และหญิงควรได้รับการตรวจเพิ่มเติม ดังนี้

ตรวจสุขภาพเพิ่มเติมสำหรับวัยสูงอายุ

• การตรวจตา : บุคคลอายุ 60-64 ปี ควรได้รับการตรวจตาโดยทีมจักษุแพทย์ทุก 2-4 ปี แต่สำหรับบุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจตาโดยทีมจักษุ แพทย์ทุก 1-2 ปี
• ตรวจอุจจาระ : ตั้งแต่อายุ 60 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจอุจจาระ เพื่อคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง ปีละ 1 ครั้ง
• การประเมินภาวะสุขภาพ : โดยจะประเมินจากภาวะโภชนาการ ความเสี่ยงภาวะกระดูกพรุน การทำกิจวัตรประจำวันพื้นฐาน และหากอายุ 65 ปีขึ้นไป ควรได้รับการประเมินสมรรถภาพการทำงานของสมองเพิ่มเติม
• ตรวจระดับไขมันในเลือดทุก 5 ปี
• ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดทุกปี
• ตรวจระดับครีอะทินีน (Creatinine) ในเลือดทุกปี เพื่อประเมินภาวะการทำงานของไต
• ตรวจปัสสาวะทุกปี
• หากอายุ 70 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (CBC) ทุกปี

แม้ว่าการตรวจสุขภาพจะมีมากมายหลายรูปแบบ แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องตรวจทั้งหมดก็ได้นะคะ เพราะหลายคนก็มีข้อจำกัดเรื่องเวลา งบประมาณ ดังนั้น เราสามารถเลือกแพคเกจที่เหมาะสมกับเราได้นะคะ แต่ถึงอย่างไร การตรวจสุขภาพไม่ว่าแพคเกจไหนก็เป็นเรื่องที่ดีทั้งนั้นเลยค่ะ เพราะจะช่วยให้เรารู้ลดความเสี่ยงโรคหรือรักษาโรคที่ตรวจพบได้อย่างรวดเร็วนะคะ มาตรวจสุขภาพกันเยอะ ๆ นะคะ

โรงพยาบาลกระบี่นครินทร์ อินเตอร์เนชั่นแนล
ปรึกษาปัญหาสุขภาพและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม นัดหมายได้ที่
แผนกส่งเสริมสุขภาพ ชั้น G โทร. 075-626555 ต่อ 1121,1134
เปิดให้บริการทุกวัน

จันทร์ – อาทิตย์ เวลา 08.00 -16.00 น.

 

Categories:บทความสุขภาพ
October 2025
M T W T F S S
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031  
« Oct    

หมวดหมู่ข่าวสาร

  • ข่าวสารและกิจกรรม (74)
  • บทความสุขภาพ (59)

ข่าวสารและกิจกรรม

  • ร่วมแสดงความยินดีเปิดคลินิกใหม่ MEDIPLUS LANTA
  • วิถีสุขภาพดีช่วงเทศการกินเจ
  • ร่วมแสดงความยินดีกับ นายแพทย์สมบูรณ์ บุญกิตติชัยพันธ์ ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่
  • RSV พ่อแม่อย่าวางใจ ไวรัสตัวร้ายใก้ลลูกน้อย
  • ออกหน่วยตรวจสุขภาพ “ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กปานุราช”
  • กิจกรรมมอบวุ้นสื่อรักใน “วันแม่แห่งชาติ”
  • อบรมการปฐมพยาบาลเบื้องต้น First Aid และ CPR
  • ธาลัสซีเมีย (Thalassemia) คืออะไร ?
  • มอบเงินสนับสนุนกิจกรรม Krabi Media Fest 2024
  • เคล็ดลับ! ปลุกพลังการทำงานหลังหยุดยาว

KRABI INTERNATIONAL

  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์บริการทางการแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • แพ็คเกจและโปรโมชั่น
  • ติดต่อเรา
  • COVID-19 Screening
  • นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
  • เอกสารแจ้งการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีการใช้กล้องวงจรปิด (CCTV)
  • แผนกไตเทียม
  • ประกันชีวิตสำหรับคนไทย
  • แพ็กเกจและโปรโมชั่น

_______________________

  • ข่าวสารและกิจกรรม
  • รางวัลแห่งความภาคภูมิใจ
  • เทคโนโลยีทางการแพทย์
  • ห้องพักและราคา
  • ข้อมูลประกัน

CONTACT US

โรงพยาบาลกระบี่นครินทร์ อินเตอร์เนชั่นแนล
เลขที่ 1 ถ.พิศาลภพ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.กระบี่ 81000

yioMey96T www.krabinakharin.co.th

RTGnBLbTL 075 626 555

Logo-clip-art-26  facebook.com/krabinakharin

Copyright © 2015 Krabi Nakharin International Hospital | Design by KBNIH Information Technology Department