By Webmaster • 06/07/2016 • No Comments
ข้อเท้าแพลงเกิดจากเส้นเอ็นถูกยืดหรือบิดมากเกินไป ซึ่งอาจเกิดการฉีกขาดได้ โดยเส้นเอ็นนั้นเป็นเนื้อเยื่อลักษณะคล้ายเส้นใยที่มีความแข็งแรง ยืดหยุ่นได้ ยึดระหว่างกระดูกท่อนหนึ่งไปยังอีกท่อนหนึ่งเพื่อทำหน้าที่เป็นเอ็นข้อต่อ
อาการของข้อเท้าแพลง
· ปวด
· บวม
· มีรอยช้ำ
· เคลื่อนไหวข้อเท้าได้น้อยลง
· ไม่สามารถลงน้ำหนักเท้าข้างที่ได้รับบาดเจ็บได้
อาการปวดเจ็บข้อเท้าแพลงจะทวีความรุนแรงมากขึ้น ถ้ามีการเคลื่อนไหวของข้อเท้า ข้อจะเริ่มบวมขึ้นทันทีและจะมีความรู้สึกไวต่อการสัมผัส รอยช้ำจะเกิดขึ้นที่บริเวณที่ได้รับบาดเจ็บแต่อาจจะต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงหรือเป็นวันถึงจะสามารถสังเกตเห็นได้ และถ้าอาการข้อเท้าแพลงมีความรุนแรงขึ้น คุณจะไม่สามารถลงน้ำหนักที่เท้าข้างนั้นได้เลย
สาเหตุของข้อเท้าแพลง
·การเดินบนพื้นผิวที่ไม่เรียบ
·สูญเสียสมดุลระหว่างการใส่รองเท้าส้นสูง
·เล่นกีฬาที่มีการกระแทกข้อเท้าบ่อยๆ
·กระโดดลงพื้นอย่างไม่ระมัดระวัง
การรักษาอาการข้อเท้าแพลง
การดูแลรักษาด้วยตัวเอง
ในช่วง 48-72 ชั่วโมงแรกหลังจากข้อเท้าได้รับบาดเจ็บ ควรใช้หลัก PRICE ในการรักษาซึ่งจะได้ผลดีสำหรับการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นเล็กน้อยไม่รุนแรงมาก
·Protect ป้องกันไม่ให้เกิดการบาดเจ็บเพิ่มขึ้นในบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ก่อนแล้ว
·Rest พักข้อเท้าที่ได้รับบาดเจ็บประมาณสองถึงสามวันแรกโดยไม่ให้มีการเคลื่อนไหว หลังจากนั้นจึงค่อยๆเคลื่อนไหวบริเวณดังกล่าวอย่างช้าๆ ซึ่งให้ยังคงความแข็งแรงของกล้ามเนื้อในบริเวณที่บาดเจ็บไว้ได้
·Ice ใช้ถุงใส่น้ำแข็งหรือน้ำแข็งห่อด้วยผ้าประคบบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บเพื่อลดอาการบวมหรือรอยช้ำ ทั้งนี้คุณควรหลีกเลี่ยงไม่ให้น้ำแข็งสัมผัสกับผิวหนังโดยตรง เพื่อป้องกันผิวหนังไม่ให้ได้รับอันตราย
·Compress พันบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บด้วยผ้าพันแผลเพื่อช่วยป้องกันและจำกัดการเคลื่อนไหวรวมถึงลดอาการบวม โดยผ้าพันแผลนั้นจะต้องมีความยืดหยุ่นที่เหมาะสม ไม่รัด ตึงจนเกินไปและควรปลดผ้าพันออกก่อนเมื่อจะเข้านอน
·Elevate พยายามยกข้อเท้าที่ได้รับบาดเจ็บให้อยู่ในระดับที่สูงกว่าระดับหัวใจเพื่อช่วยลดอาการบวม
หากอาการดังกล่าวยังไม่ดีขึ้น คุณควรรีบขอคำแนะนำจากแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด
ในช่วง 72 ชั่วโมงแรกนั้น คุณควรยึดหลัก HARM คือ การที่จะหลีกเลียงสิ่งต่อไปนี้
·Heat ห้ามใช้การประคบร้อน (heat packs) ขวดบรรจุน้ำร้อนประคบหรือถูบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บด้วยความร้อน รวมไปถึงการอบซาวน่า (saunas) หรือแช่น้ำอุ่น เพราะความร้อนจะทำให้เลือดไหลเวียนไปยังบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บมากขึ้นและอาการบวมจะเพิ่มขึ้น อันส่งผลตรงกันข้ามกับการประคบด้วยความเย็น
·Alcohol ห้ามดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด เนื่องจากแอลกอฮอล์จะไปทำให้เลือดไหลเวียนมากขึ้นและเพิ่มอาการบวม ทำให้กระบวนการรักษาช้าลง
·Running ห้ามวิ่งหรือทำกิจกรรมใดๆที่ต้องออกแรงมากเพราะจะยิ่งทำให้อาการบาดเจ็บนั้นแย่ลง
·Massage ห้ามนวดเพราะจะทำให้เลือดไหลเวียนไปบริเวณนั้นมากขึ้นและเพิ่มอาการบวมเช่นกัน
การใช้ยา
คุณอาจรับประทานยา paracetamol ทันทีเพื่อช่วยลดอาการปวด หรือถ้าหากมีอาการรุนแรงแพทย์อาจจะสั่งยา codeine ให้คุณได้ และควรอ่านฉลากยาเข้าใจก่อนใช้เสมอ หากมีข้อสงสัยควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทันที
การรักษาด้วยกายภาพบำบัด
นักกายภาพบำบัดสามารถช่วยคุณฟื้นฟูการเคลื่อนไหว ความแข็งแรงและความสมดุลของข้อเท้าที่ได้รับบาดเจ็บได้หลายวิธี ได้แก่
·การนวด
·การใช้อัลตราซาวด์ (ultrasound)
·การช่วยการทำงานของข้อต่อและเส้นประสาท (joint and nerve mobilization)
·การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มการเคลื่อนไหว ความแข็งแรงและความสมดุล
·การช่วยให้คุณสามารถกลับมาเล่นกีฬาได้
·การพันผ้าหรือใช้อุปกรณ์ช่วยพยุงรอบๆข้อเท้าเพื่อลดการบาดเจ็บบริเวณดังกล่าว
M | T | W | T | F | S | S |
---|---|---|---|---|---|---|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | ||
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
โรงพยาบาลกระบี่นครินทร์ อินเตอร์เนชั่นแนล
เลขที่ 1 ถ.พิศาลภพ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.กระบี่ 81000
www.krabinakharin.co.th
075 626 555
facebook.com/krabinakharin